พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ส่วนกลางคณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัด ผู้มีจิตศรัทธานักเรียนทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ และสื่อ ...
ก่อนอื่นขอให้พวกเราทุกคนร่วมกันแสดงความยินดีกับนายปกรณ์ อังศุสิงห์ ซึ่งเป็นนายกมูลนิธิฯ ที่ฉลองวันเกิดมาถึงอายุ ๘๐ ปีแล้ว นายปกรณ์ฯ ก็เป็นผู้ที่ริเริ่มคนหนึ่งของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ และได้ดำเนินงานมาให้มูลนิธิฯ นี้ได้ผลตามที่ประสงค์ตั้งแต่ต้นก็ให้ทุกคนแสดงความยินดีกับท่านในโอกาสนี้ด้วย
สำหรับผู้ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่ต้นก็ทราบดีว่ามูลนิธิฯ นี้ได้ตั้งมาอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไร รวมทั้งผู้ที่ได้ร่วมงานต่อมาและผู้ที่ได้สละทรัพย์ เพื่อที่จะให้มูลนิธิฯ ดำเนินการมาได้ก็ย่อมทราบดีถึงประโยชน์ของมูลนิธิฯ ซึ่งมีมากมายต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ที่ได้ตั้งตอนแรกจนถึงเดี๋ยวนี้กฎเกณฑ์ข้อบังคับต่างๆ ก็มิได้เปลี่ยนแปลงมากมายนัก เพราะถือว่าการตั้งเป้าหมายตั้งแต่ต้นนั้นกว้างขวางมากแล้วและครบถ้วนมากมิต้องเพิ่มเติม ถ้าเพิ่มเติมกฎบังคับหรือเพิ่มเติมจุดประสงค์ของมูลนิธิฯ ก็จะทำให้มูลนิธิฯ นี้ ไม่สามารถจะทำงานได้ ซึ่งบางคนก็อาจบอกว่าไม่ก้าวหน้า กิจการใดๆต้องขยายเรื่อย ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น กิจการของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ กว้างขวางแล้วตั้งแต่ต้น และถ้าหากว่าขยายขอบข่ายของการงานก็จะกว้างออกไปจนเกินไปไม่สามารถที่จะปฏิบัติได้จุดประสงค์อันสำคัญ คือ ช่วยเหลือผู้ที่ประสบความเดือดร้อนจำกผู้ที่ยังไม่ประสบความเดือดร้อน อันนี้เป็นหลักที่แจ้งมาหลายครั้งแล้ว ยังคงขอแจ้งว่ายังใช้ได้ คือ คนเราเมื่ออยู่สบายก็ไม่ค่อยคิดถึงว่าจะเดือดร้อน เมื่อเดือดร้อนแล้วก็โวยวาย แต่ว่ามูลนิธิฯ นี้พยายามทำให้คนรู้สึกตัวว่าคนเราในชีวิตของคนแต่ละคนหรือมีกิจการใดมีทั้งขึ้นทั้งลง เวลาขึ้นก็เวลาเจริญเวลาสบายก็ดีไป บางทีก็อยากจะสบายยิ่งกว่า แต่เวลาไม่สบายนั้นก็โวยวายเพราะว่าเดือดร้อน การที่จะให้ไม่ต้องเดือดร้อนก็จะต้องช่วยตอนที่กำลังไม่เดือดร้อนเป็นการคล้ายๆ ประกัน ประกันความสุข ไม่ใช่ประกันชีวิตหรือประกันอะไร เป็นประกันความสุข ถ้าเรานึกถึงความสุขของผู้อื่นและจะช่วยให้ผู้ที่ประสบทุกข์ให้เกิดความสุขได้ เท่ากับเป็นการประกันความสุขของตัวที่จะมีต่อไป ที่พูดถึงความสุขนี้ ไม่ได้พูดถึงความเสียหายในการเงิน การที่ภัยธรรมชาติจะทำให้มีความเสียหายทำงทรัพย์ เพราะว่าทำงทรัพย์นั้นหรือทำงสิ่งของนั้นก็เห็นได้ชัดว่าถ้ามีภัยธรรมชาติมากระหน่ำเราก็เสีย ก็เสียทั้งทรัพย์สินเสียทั้งสิ่งของต่างๆ ที่เราต้องใช้ เดือดร้อนแต่ว่าที่พูดถึงสำคัญที่สุดคือความสุขนั้นอยู่ที่จิตใจ และการที่มูลนิธิฯ นี้ได้ประสบความสำเร็จในการทำงานก็เพราะว่าคิดถึงในด้านนี้มากและเป็นผลดีแน่ เพราะว่าผู้ที่ประสบภัยเคยมาบอกว่าการที่มูลนิธิราชประชา-นุเคราะห์ฯ ได้ไปช่วยเขาตอนที่เขาเดือดร้อนแสนสาหัส เขาพูดตรงๆ ว่าที่เขาได้รับสิ่งของช่วยเหลือนั้นความจริงมันไม่พอ เพราะว่าเดือดร้อนสูญเสียไปทั้งหมด เช่น ไฟไหม้ ไฟไหม้บ้าน และร้านของตัวเองไปการที่ทำงมูลนิธิฯ ได้ให้สิ่งของเพื่อยังชีวิตไปได้ชั่วคราวนั้นไม่สามารถที่จะคุ้มในสิ่งที่เสียหายไป แต่สิ่งที่คุ้มก็คือน้ำใจ เขามาบอกว่าที่ให้นั้นไม่มากนัก แต่ที่ให้มากนั้นคือ จิตใจที่ทำให้จิตใจเขามีกำลัง หมายความว่าทำให้เขาสามารถที่จะสู้ต่อชีวิตหรือสู้ต่อเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเดือดร้อน จนกระทั่งภายในไม่กี่เดือนเขาตั้งตัวขึ้นมาใหม่ได้ ไม่เดือดร้อนก็ด้วยตอนต้นที่เขาเดือดร้อนมีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นอาสาสมัครไปช่วยเหลือให้อาหารให้สิ่งที่จำเป็นตอนต้น อันนี้เขาบอกว่าล้ำค่า ฟังเขาแล้วก็ปลื้มใจว่ามูลนิธิฯ ที่ตั้งขึ้นนี้มีประโยชน์และได้ผล อันนี้เป็นกรณีเดียวแต่ว่ากรณีอื่นๆ ก็มีเยอะแยะซึ่งทำให้ผู้ที่เดือดร้อนได้มีจิตใจที่สบายขึ้น และสามารถที่จะตั้งต้นใหม่หรือซ่อมแซมชีวิตซึ่งถูกภัยธรรมชาติกระหน่ำฉะนั้น กำรที่เรำทุกคนทั้งผู้ที่ไปบริจำคทรัพย์ทั้งผู้ที่ไปบริจำคแรงนั้น ควรจะคิดถึงมำกที่สุดก็ข้อนี้ ข้อที่ว่าทำให้เห็นว่าในประเทศไทยนี้จิตใจเกื้อกูลซึ่งกันและกันมีอยู่และมีอยู่อย่ำงเต็มเปี่ยมทำให้คนมีชีวิตที่เดือดร้อนสำมำรถที่จะฟันฝ่ำอุปสรรคได้ และผู้ที่ยังไม่เดือดร้อนก็รู้ตัวว่าอำจจะมีวันที่เดือดร้อนแต่ว่าไม่ต้องกลัวเพรำะว่าคนอื่นก็ช่วย ซึ่งเป็นลักษณะของประชำชนชำวไทยเป็นสำคัญว่าทุกคนมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน มีความเมตตำกรุณำซึ่งกันและกัน สรุปแล้วก็อยู่ที่คำว่าความสำมัคคี คำว่าสามัคคีนี้ก็ได้พูดอยู่เสมอว่าคนไทยมีความสามัคคีกลมเกลียวกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคง ก็ต้องซ้ำและซากอยู่อย่างนี้ตลอดเวลาเพราะว่าเป็นจุดสำคัญ บางทีไม่ใช่เกี่ยวข้องกับจำนวนเงินทองมาก แต่ว่าเกี่ยวข้องกับน้ำใจที่หนักแน่น ที่มีค่า และที่แผ่ไปให้แก่ทุกคนทำให้ส่วนรวมของเราอยู่ได้ ฉะนั้น ก็ในโอกาสที่มูลนิธิฯ ได้มีอายุทำงานมา ๒๔ ปี ก็ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่เกี่ยวกับมูลนิธิฯ นี้ ที่ได้ทำงานทำการด้วยความเข้มแข็งและด้วยความเสียสละ ข้อนี้ มีประโยชน์ในด้านความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทุกคนในประเทศไทย และเป็นสิ่งที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำงานและในการวางตัวของแต่ละบุคคล จะเป็นผู้ที่อยู่ในที่นี้ที่ได้สนับสนุนกิจการของมูลนิธิฯ ที่ได้ทำงานเพื่อมูลนิธิฯ และแก่คนทั้งหมดที่ได้มารู้จักมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ทุกคนได้ทำได้ช่วยให้กิจการซึ่งเป็นส่วนรวมของชาติดำเนินไปได้ ฉะนั้น ก็ขอขอบใจทุกคนที่เกี่ยวข้องที่ได้ทุ่มเทกำลังตลอด ๒๔ ปีนี้ ขอให้มีกำลังต่อไปเพื่อที่จะปฏิบัติงานที่สำคัญนี้
สำหรับผู้ที่มาเป็นนักเรียนที่ได้รับประโยชน์จากมูลนิธิฯ นี้ ก็อาจเป็นตัวอย่างอย่างหนึ่งของกิจการของมูลนิธิฯ ซึ่งนอกเหนือจากที่จะเอาสิ่งของไปให้ผู้ประสบภัย ข้อนี้ เป็นการให้ผู้ที่ประสบภัยแล้วก็ไม่มีอนาคตให้มีอนาคต แล้วยินดีที่ทุกคนที่ได้รับการสนับสนุนทำงการศึกษาก็ได้เล่าเรียน ได้มีความสำเร็จและก้าวหน้าในชีวิตได้ การที่มูลนิธิฯ ได้เพ่งเล็งเกี่ยวข้องกับการศึกษาก็เพราะว่าเป็นการสร้างอนาคตของบุคคลและการที่มูลนิธิฯ ได้สนับสนุนและสร้างโรงเรียนนั้นก็เพราะมีแนวความคิดนี้ว่า ผู้ที่เดือดร้อนถ้ามีจิตใจที่เข้มแข็งก็สามารถที่จะฟันฝ่าอุปสรรคได้ และนอกจากนี้ก็มีความจำเป็นที่จะมีความรู้ที่จะทำงานทำการได้ ฉะนั้นโรงเรียนก็เป็นสิ่งที่สำคัญ และต่อไปก็อาจต้องดูในลักษณะนี้ด้วย ว่าการปลูกฝังความมั่นคงในบุคคลนี้ก็ให้โอกาสที่จะหาความรู้ได้ ซึ่งก็เป็นงานของมูลนิธิฯ ที่ได้ตั้งไว้เป็นเป้าหมายตั้งแต่ต้นวันนี้ก็ขอพูดเพียงแค่นี้ เพรำะว่าทุกคนก็ทรำบหน้ำที่ของมูลนิธิฯ แล้วข้อสำคัญ ก็ขอย้ำอยู่ที่จิตใจ อยู่ที่กำรที่จะเอื้อเฟื้อ เรียกว่าสละสิ่งหยุมหยิมที่มีอยู่ในใจ เพื่อทำอะไรที่เป็นใหญ่กว่าตัวหรือส่วนรวมให้มั่นคง ก็ขอให้ทุกคน มีกำลังกำยใจแข็งแรงทั่วกันทุกคนเพื่อปฏิบัติหน้ำที่อันสำคัญ.
พระราชทานแก่คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ส่วนกลางคณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัด ผู้มีจิตศรัทธานักเรียนทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ และสื่อมวลชน