พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ส่วนกลางคณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัด ผู้มีจิตศรัทธานักเรียนทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ และสื่ ...

ก่อนอื่นก็ขอให้ระลึกถึงนำยกมูลนิธิฯ ที่ล่วงลับไป คือ นำยปกรณ์ อังศุสิงห์ ได้ล่วงลับไปและได้เป็นผู้ก่อตั้งคนหนึ่ง เป็นเวลาเมื่อประมาณ ๔๐ ปี ที่มูลนิธิฯ นี้ได้บริการ ได้ช่วยเหลือประชาชนเพื่อที่จะให้ประชาชนที่เคราะห์ร้ายได้รับการช่วยเหลือ

นายปกรณ์ อังศุสิงห์ เป็นคนหนึ่งที่ได้ก่อตั้งและได้ดูแลได้ประคับประคองมูลนิธิฯ นี้ให้กลายเป็นองค์กรที่ทุกคนรู้จัก และเป็นองค์กรที่นับว่าอเนกประสงค์ ตั้งแต่แรกก็เป็นองค์กรที่เป็นเฉพาะกิจ เพื่อที่ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบวาตภัย และต่อๆ มาก็ได้ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ประสบอัคคีภัย ตลอดจนภัยต่างๆ ที่เป็นธรรมชาติและวิธีการที่จะช่วยเหลือก็ขยายขึ้น จนกระทั่งเป็นการให้การศึกษาแก่ผู้ที่ประสบภัยโดยเฉพาะผู้ที่เป็นเยาวชน เพื่อที่จะให้เขามีอนำคตที่แจ่มใส และเยาวชนที่ได้รับประโยชน์ตั้งแต่ครั้งกระโน้นก็ได้เติบโตขึ้นมา กลับมาเป็นผู้ที่เป็นที่พึ่งของคนที่เดือดร้อนในระยะหลัง

และนอกจากนี้ก็มีโครงการต่างๆ เพื่อที่จะช่วยให้ประชาชนได้มีความมั่นคงขึ้นจากการช่วยเหลืออย่างที่เรียกว่าเฉพาะกิจ ก็กลายเป็นการช่วยเหลือที่เบ็ดเสร็จ และนอกจากนั้น ก็ได้ร่วมมือกับองค์กรกว้างขวางขึ้นมา เช่น ที่ประธานกรรมการได้กล่าวถึง ทหาร ตำรวจ หรือข้าราชการพลเรือนทั้งหลายก็ได้ช่วยร่วมมืออย่างดี

นอกจากทำงราชการก็ยังมีฝ่ายเอกชน เช่นในวันนี้ที่กรรมการได้ช่วยร่วมมือในการช่วยมีเครื่องหมายสำหรับผู้ที่เป็นผู้ปฏิบัติงานในมูลนิธิฯ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับไปเป็นสัญลักษณ์และการที่กรรมการชาวไทยที่มีเชื้อสำยจีนได้ร่วมมือ และได้รับบริจาคเงินสำหรับมูลนิธิชัยพัฒนำก็เป็นสิ่งหนึ่งที่นับว่ามีความหมายเพราะว่ามูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ก็ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับมูลนิธิชัยพัฒนำ ในการช่วยประชาชนซึ่งประสบความเดือดร้อน และอาจจะประสบความเดือดร้อนในอนำคตเพื่อที่จะให้เขามีความมั่นใจว่า วันนี้อาจจะยังไม่เดือดร้อน แต่วันหน้าถ้าเดือดร้อน ก็จะมีคนมาช่วยเหลือ ข้อนี้ก็เป็นข้อสำคัญ หรือเป็นนโยบายสำคัญของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯและได้กล่าวมามากมายแล้ว อื่นๆ ที่ประธานกรรมการได้กล่าวทั้งหมดนี้ ไม่จำเป็นที่จะกล่าวแต่ที่กล่าวเพราะว่านึกถึง คุณปกรณ์ อังศุสิงห์ ซึ่งได้ทำงานมาและด้วยความอุตสำหะ ด้วยความพยายามอย่างยิ่ง แม้จะเวลาตอนหลังที่ท่านอ่อนแอ ไม่สบายก็ยังเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลาจนถึงวาระที่สุดท้าย ที่ถึงแก่กรรม ฉะนั้น ชีวิตของท่านก็เท่ากับเป็นชีวิตของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯเป็นตัวอย่างของบุคคลที่ได้ช่วย และได้เสียสละอย่างมากอันเป็นเรื่องของหรือเป็นหน้าที่ที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ได้วางไว้เป็นหลักการ คือ การช่วยประชาชนที่เดือดร้อนด้วยวิธีการที่เบ็ดเสร็จ
หมายถึง ให้ประชาชนได้มีชีวิตอยู่ได้ และมีอนำคตที่แจ่มใส

บัดนี้ ไม่มีนำยกมูลนิธิฯ จึงขอแจ้งในที่นี้ว่าจะขอตั้งบุคคลหนึ่งซึ่งได้ทำงานมาตั้งแต่ต้นได้เสียสละ แม้จะเดี๋ยวนี้ท่านก็มีอายุ และอาจจะบางเวลาจะเหนื่อยแต่ก็เชื่อว่าจะเป็นตัวอย่าง และเป็นผู้นำที่ดีสำหรับมูลนิธิฯ และสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิฯ คือ ขอตั้งนำยจาด อุรัสยะนันทน์ เป็นนำยกมูลนิธิฯ ต่อไป ก็ขอบใจที่ท่านรับเพราะว่าท่านก็เหนื่อย และบางทีก็ทำงครอบครัว ลูก ภรรยาบอกว่าไม่อยากให้ท่านทำงาน แต่ว่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ที่เป็นสัญลักษณ์ เป็นผู้ที่จะนำมูลนิธิฯ ต่อไปด้วยการที่ท่านได้ทำตัวอย่างมา ไปทุกหนทุกแห่ง เพื่อที่จะช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ที่ตั้งอย่างนี้มีเหตุผลเพราะว่าผู้อื่นที่อาจจะเป็นผู้ที่เยาว์กว่า ก็จะได้มองเป็นตัวอย่าง และสำมารถที่จะขอคำแนะนำสำหรับการปฏิบัติ เพื่อที่จะให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ดำเนินไปโดยราบรื่น เพราะว่าองค์กรใดๆ มิใช่ว่าจะต้องเปลี่ยนให้มีประสิทธิภาพสูง มีการว่องไวมาก แต่ว่าจะต้องมีความต่อเนื่องฉะนั้นขอให้มูลนิธิฯ นี้ทำงานต่อไปด้วยความต่อเนื่อง คนใหม่ๆ เข้ามาจะได้เห็น และจะได้ช่วยกันดังนั้นมูลนิธิฯ ก็จะยั่งยืนและบริการที่จะได้จากมูลนิธิฯ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยั่งยืนแม้จะคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของมูลนิธิฯ หรือเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ ก็จะสำมารถที่จะมาช่วยดังที่ในที่นี้ ก็มีผู้ที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ หรือเป็นเรียกว่าสมาชิกของมูลนิธิฯ แต่ก็เข้าใจทั้งนั้นและพยายามช่วยที่จะทำให้ประชาชนมีขวัญดี ถ้าเกิดมีภัยธรรมชาติมาคุกคำมคือ ความหนำวก็เป็นภัยคุกคำม ฉะนั้นอย่างเช่นที่ท่านประธานกรรมการได้แจ้งเวลาหนำวก็ไปแจกผ้าห่ม ไปดูแลประชาชนในที่ทุรกันดำร
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ก็มีความจำเป็น ฉะนั้นถ้ามูลนิธิฯ ได้ทำงานต่อไป หรืออาจจะกว้างขวางยิ่งกว่านี้ก็ได้ก็จะเป็นองค์กรที่ยั่งยืน องค์กรที่มีความคิดก้าวหน้า ฉะนั้น องค์กรก้าวหน้านี้จะอยู่ อยู่ต่อไป ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้ามีอะไรที่จะดัดแปลงให้ดีขึ้นก็คงดัดแปลงได้ค่อยๆ ทำไป และจะทำให้ประเทศชาติ คือ ประชาชนมีความมั่นคงยั่งยืนต่อไป

จะต้องขอถือโอกาสนี้ มีข้อสังเกตว่าทั่วโลก เราเปิดวิทยุก็ตาม โทรทัศน์ก็ตาม เราก็จะเห็นทุกวันว่า เขามีการฆ่ากัน เขามีการทำลายกัน ไม่มีวันที่เว้น ที่จะไม่มีความเดือดร้อนอย่างรุนแรงไม่ใช่ภัยธรรมชาติเท่านั้นเอง แต่ภัยจากสงคราม ภัยจากความเบียดเบียนกัน ทุกวันไม่มีเว้น แต่ว่าในประเทศไทย ก็ยังคงสงบตามสมควร ขอให้ทุกคนช่วยกันอย่าเบียดเบียน จะทำให้เรายังคงรักษาความสงบได้ตามสมควร หรือเรียกว่าตามอัตภาพของเรา หรือประเทศไทยอาจจะไม่เป็นประเทศที่รุ่งเรืองที่สุดในโลก หรือรวยที่สุดในโลก หรือฟู่ฟ่าที่สุดในโลก แต่ก็ขอให้เมืองไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มีความสงบได้เพราะว่าในโลกนี้หายาก แล้วเราทำให้เป็นประเทศที่สงบ ประเทศที่มีคนช่วยเหลือซึ่งกันและกันจริงๆ เราจะเป็นที่หนึ่งในโลก

ในข้อนี้แล้วรู้สึกว่าที่หนึ่งในโลก ในข้อนี้จะดีกว่าอื่น จะดีกว่าคนที่รวยที่สุดในโลก จะเป็นดีกว่าคนที่เก่งที่สุดในทำงอะไรก็ตามที่สุดในโลก แต่ถ้าเรามีความสงบและมีความสบาย ความมั่นคงที่สุดในโลกแล้ว รู้สึกว่าจะไม่มีใครสู้เราได้

ฉะนั้น ก็การที่ท่านมาในวันนี้ แล้วก็มีผู้ที่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิฯ โดยตรง ทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทำงอ้อม มาประชุมในที่นี้ จึงถือโอกาสที่จะกล่าวดังนี้ ขอให้ทุกท่านได้ประสบความเจริญรุ่งเรืองทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสงค์ให้ได้ประสบ และการงานใดๆ ที่ถูกต้อง ที่ชอบธรรมก็ขอให้ได้สำเร็จโดยง่ายเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของส่วนรวม ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จความเจริญ.