พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ส่วนกลางคณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัด และมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมพร้อมด้วย ผู้มีจิตศรัท ...
ขอขอบใจผู้ที่มีจิตศรัทธาบริจาคเงิน เพื่อที่จะบำรุงมูลนิธิทั้งราชประชานุเคราะห์ และมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งมีผลดีมาเป็นเวลานานแล้ว โดยเฉพาะในปีที่แล้ว ได้มีน้ำท่วมและก็มีสิ่งที่จะต้องช่วยมาก นับว่ามูลนิธิทั้งสองได้ช่วยผู้ที่เดือดร้อน ทำให้บ้านเมืองมีความมั่นคงต่อไปได้
เกี่ยวข้องกับงานที่มูลนิธิได้ทำทั้งสองมูลนิธิ ท่านได้ฟังรายงานแล้ว คงไม่ต้องซ้ำ เพราะว่าจะน่าเบื่อ แต่ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ศึกษาได้ตามโครงการของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์และมูลนิธิการศึกษาทางไกล ซึ่งนับว่าเป็นผลงานที่ดีมาก และทำให้มีกำลังใจ ทั้งผู้ที่บริจาค ทั้งผู้ที่ปฏิบัติงาน มีกำลังใจที่จะปฏิบัติต่อไป ที่ต้องขอบใจ ก็คือขอบใจผู้ที่เป็นเจ้าหน้ำที่ของมูลนิธิทั้งสองได้ทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยและเสียสละ อันนี้ ต้องถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่คนไทยสามารถที่จะทำอะไรเพื่อเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ช่วยกัน ไม่ใช่เป็นหน้ำที่ ที่เรียกว่าราชการ หรือหน้ำที่ที่ได้รับเงินเดือน ตรงข้าม ต้องเสียสละแรงของตัว และบางคน ก็เสียสละทรัพย์ด้วยซ้ำ ฉะนั้น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า คนไทยด้วยกัน ต้องช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันอยู่เสมอ ซึ่งหายากในโลกนี้ปัจจุบัน คนที่จะทำอะไรต้องรับเงิน แม้แต่เมืองไทยก็เป็นมาก คิดแต่เงิน คิดแต่จะได้รับการตอบแทน ถ้าไม่มีการตอบแทนไม่ทำงาน ถ้าถือหลัก ไม่มีการตอบแทนไม่ทำงานนั้น จะต้องถือว่าเมืองไทยต้องล่มจมแน่ เพราะว่าเงินน่ะไม่มี เงินไม่ค่อยมีนัก ถ้าไม่ทำงาน ถ้าไม่ได้รับเงิน งานก็ไม่ได้มีผลสำเร็จอะไรเลย ฉะนั้น การที่มูลนิธิทั้งสองได้ปฏิบัติมาเป็นเวลาช้านาน และมีผลดี ก็ต้องอาศัยผู้ที่เสียสละ ท่านผู้เสียสละเงิน บริจาคเงินนั้นน่ะ ก็ถือว่า เป็นผู้ที่เรียกว่าทำงาน โดยไม่ถือเอาผลได้ ผู้ที่ทำงาน ผู้ที่อาสาสมัครไปทำ เขาได้คำว่า อาสาสมัคร คือยินดีทำ โดยที่ไม่ต้องมีการตอบแทนความจริง การตอบแทนก็มี ความชื่นชมของผู้ที่เดือดร้อน เคยได้ยินว่า ถ้าไม่ได้มีใครมาช่วยเหลือ
ก็รู้สึกว่าจะล่มจม เพราะว่าไม่มีกำลังใจ แม้จะได้รับการช่วยเหลือไม่คุ้มกับที่เสีย หมายความว่าได้เสียเช่น น้ำท่วม เสียของ เสียอะไรต่ออะไรหมด ได้รับการช่วยเหลือไม่ได้มากมายนัก ก็มีกำลังใจขึ้นสามารถที่จะกู้ฐานะของตนขึ้นมาได้ หลายปีมาแล้ว เคยได้พบกับคนที่ประสบอัคคีภัย เขาเข้ามาแล้วมาบอกว่า ขอขอบใจ และเขาบอกว่า ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือโดยเร็ว ก็คงล่มจม เวลาเขามาพูด เขามาบอกว่า เดี๋ยวนี้ ได้ฟื้นตัวแล้ว สิ่งที่ได้รับในวันรุ่งขึ้นของไฟไหม้นั้น ก็เป็นเพียงได้รับข้าวต้ม ได้รับความช่วยเหลือ เล็กๆ น้อยๆ แต่สำคัญที่สุด เขาได้มีกำลังใจที่จะฟื้นตัวได้ ความจริงว่าถ้าเราจะให้ หรือท่านที่บริจาค ไม่สามารถที่จะให้เงินพอสำหรับสร้างชีวิตแต่ละคนๆ ที่เสียหายไปไม่พอ ที่ท่านได้บริจาคในวันนี้ ประมาณเจ็ดสิบล้าน ก็ไม่พอ เพราะว่าจะต้องใช้มากมายที่จะฟื้นฟูคนที่เสียหาย เฉพาะในปีที่แล้ว เสียหายเป็นพันล้าน แต่ว่า แต่ละคนที่เสียหายก็มีกำลังใจที่จะทำงานมูลค่างานที่เขาทำเป็นพันล้านเหมือนกัน เพราะทราบว่ามีคนที่ช่วย ผู้ที่บริจาคก็ได้ช่วยเป็นกำลังทรัพย์และพวกที่เป็นเจ้าหน้ำที่ได้ไปเยี่ยมเยียน ได้ไปดูแล และได้ทำให้เขาบรรเทำความเดือดร้อน อันนี้ที่เรียกว่า บรรเทำทุกข์ ในด้านช่วยเหลือคนที่ทุกข์ เมื่อตะกี้ในรายงานมีว่า ได้ช่วยเกี่ยวข้องกับสร้างฝายได้สร้างเขื่อนที่ชุมพร อันนี้ก็แปลก มันไม่ใช่หน้ำที่ของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ที่จะไปสร้างเขื่อนหรือสร้างคลอง หรือสร้างทำนบ เป็นเรื่องของกรมชลประทำน เป็นเรื่องของทางราชการ แต่ว่าตอนนั้นที่ทำ เพราะมูลนิธิเห็นว่าถ้าไปช่วยทำ ให้น้ำไม่ท่วมหรือบรรเทำลงไป ก็จะสามารถที่จะช่วยประชาชนเป็นจำนวนมาก ตอนนั้นที่ชุมพร น้ำท่วมทุกปี บางทีสองครั้ง ปีละสองครั้งเสียหายไปเยอะแยะ แต่ว่า เมื่อสร้างคลอง ช่วยให้ทางราชการทำให้คลองนั้นสร้างได้สำเร็จ รวมทั้งมีประตูน้ำ โดย
ใช้เงินของราชประชานุเคราะห์ ปีนั้นน้ำก็ไม่ท่วม และตั้งแต่ปีนั้นน้ำก็ไม่ได้ท่วมมาจนปีนี้ ซึ่งใครต่อใครบอกว่าระวังนะ ชุมพรก็ไม่ท่วม หรือท่วมก็เล็กๆ น้อยๆ ตามปกติ ครั้งโน้นท่วมขึ้นไปสองเมตรปีต่อไปเป็นสองเมตรห้าสิบ ขึ้นมากขึ้นทุกที ก็รู้ว่าปีต่อๆ ไป ก็คงมากยิ่งขึ้น แต่ทุกปีที่ผ่าน หลังจากที่ไปช่วยทำ ไม่ท่วมหรือท่วมน้อย ฉะนั้น ที่ได้ใช้เงินของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ก็ได้ผล และในที่สุดทางฝ่ายราชการ ทั้งท้องถิ่น ทั้งราชการ ส่วนกลาง ก็ได้ทราบว่าต้องรีบทำ เพราะว่าโครงการนั้นถ้าไม่ได้ไปทำ เขาบอกว่ากิจการคลองนั้น ก็จะไม่เสร็จต้องคอยปีต่อไป ปีต่อไปอาจจะไม่เสร็จก็ได้ก็เพราะว่าน้ำท่วมก็ไม่มีสิ้นสุด แต่ตอนนี้ดี เรียบร้อย สำหรับอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ถ้ารีบทำ รีบทำอย่างเสียสละ คือว่า มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ได้เสียสละเงินสามสิบล้าน ซึ่งก็นับว่ามาก แต่ว่าก็ไม่ได้มากเมื่อเปรียบเทียบกับผลที่ได้ ถ้าไม่ได้ใช้สามสิบล้านนี้ คงต้องเสียเงินเป็นพันล้านทุกปี ตั้งแต่นั่นมาสี่ปีไม่มี ไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเงิน และเงินที่เสียนั่นน่ะไม่ใช่เงินของราชประชานุเคราะห์เป็นเงินของ เรียกว่าของชาวบ้าน หรือเป็นเงินของรัฐบาล เป็นเงินของชาวบ้านทั้งประเทศ ทุกทีที่มีน้ำท่วมก็จะต้องใช้เงินของประเทศ งบประมาณแผ่นดิน อย่างปีนี้ใช้เงิน เขาประกาศว่าใช้กี่พันล้านไม่ทราบ แต่ว่ามีเรื่องที่น่าสลดก็เพราะว่า การบรรเทำไม่ได้ทำตามที่ควรจะบรรเทำ หรือน้ำที่ลงมาไม่ได้รับการห้ามไม่ให้ลง ที่จริงห้ามแล้ว น้ำนี่น่ะห้ามไม่ให้ลงได้ แต่ไม่ใช่ว่าเก็บกักเอาไว้แล้วก็เขื่อนพังก็ท่วมใหญ่ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ให้รู้ว่า น้ำควรจะลงมาจังหวะไหน ให้ปล่อยน้ำ ถ้าลงมามากเกินไป ก็กักไว้ก่อน เหมือนจราจร อย่างก็ทราบดีว่า น้ำลงมาจากภาคเหนือ ภาคเหนือนั้นน่ะ มีจราจรในแม่น้ำก็เรียนกันทั้งนั้นในโรงเรียน ว่ามีสี่แม่น้ำ จากภาคเหนือ ห้าทั้งแม่น้ำป่าสัก ก็จะต้องกะว่าน้ำจะลงมาจากข้างบนนั่นน่ะเท่าไร เหมือนตามถนน ถ้าไม่ทำจราจรให้ดีรถก็ชนวินาศ แต่ถ้าปล่อยรถให้แล่นเวลามีรถมาก อาจจะช้าหน่อยแต่ก็ไม่ชนกัน น้ำถ้าชนกันทำให้ท่วมน้ำท่วมสูง แล้วก็ถ้าไม่ทำให้ดีน้ำท่วมสูง ปล่อยให้ท่วม แล้วก็พยายามให้มันออกทะเล เวลาหน้ำแล้งก็ไม่มีน้ำแล้ว น้ำขาดแคลนตอนนี้ ถึงต้องโฆษณา โฆษณาแม่น้ำป่าสักว่า ตอนที่น้ำจะท่วมมาก แม่น้ำป่าสักนี่ เขื่อนป่าสักเก็บน้ำได้เก้าร้อยหกสิบล้านลูกบาศก์เมตร หรือเก้าร้อยเก้าสิบล้านลูกบาศก์เมตรได้ ไม่ถึงพันล้าน แต่ถึงเวลาน้ำลงมามาก น้ำในเขื่อนมีอยู่พันหกสิบล้าน หมายความว่ามีเกิน เกินพิกัดที่ควรจะทำ ควรจะเก็บ แล้วก็ตอนที่มันขึ้นมาสูงอย่างนั้นก็กัก กักเอาไว้ แต่ว่าก็ต้องปล่อยไว้บ้าง มันก็มีการท่วมบ้างคนก็เอะอะว่าป่าสักนี่ไม่ดี ปล่อยน้ำมาท่วม ที่จริงท่วมนิดเดียว ถ้าสมมุติว่าไม่ได้กักเอาไว้ น้ำท่วมกรุงเทพฯ ไม่มีปัญหา ไม่มีทางที่จะกักเอาไว้ ถ้าพวกชาวกรุงเห็นแก่ตัวไม่อยากให้ท่วมก็ปล่อยต้องให้ท่วมที่อื่น ยังไงก็ท่วมทั้งข้างนอก ทั้งข้างใน แต่มีเขื่อน ทำให้สามารถที่จะบรรเทำหน่อย นี่มาพูดถึงน้ำท่วม แต่น้ำท่วมในลักษณะของชลประทำน อันนี้ที่ท่านได้ช่วยให้สามารถที่จะบรรเทำ ท่านก็มีส่วนทั้งนั้นที่ช่วยให้บรรเทำ น้ำท่วมทั่วประเทศ ก็จะต้องขอบใจท่านทั้งหลาย ที่ได้มีจิตใจ เรียกว่ามีความฉลาด ที่จะบริจาคให้กับมูลนิธิ.
ส่วนมูลนิธิการศึกษาทางไกล เดี๋ยวนี้เขาก็พูดกันว่า จะต้องปฏิรูปการศึกษา แล้วก็รายงานก็ต้องบอกว่า ได้ทำมูลนิธิทำการฝึกสอนทางไกล ก็มีความกลุ้มใจเล็กน้อย ก็ไม่ใช่เล็กน้อย กลุ้มใจมากพอใช้ เพราะว่าการเรียนการรู้นี่ ถ้าไม่ได้ปฏิบัติโดยตนเอง ดูแต่ในจอโทรทัศน์มันไม่ได้ผล เพราะคนเรามีสมอง และมีมือ สมองนี่จะสั่งก็ต้องสั่งมือให้ทำอะไรต่ออะไร อย่างอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรม ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า Manufactoring factory ก็ทำ สิ่งที่ทำก็ ManufactureManu ก็มือ Facture ก็มาจากคำว่าทำ คือทำด้วยมือ แน่นอน ถ้ามือไม่มีสมองสั่งก็ทำอะไรไม่ได้เปะปะ แต่ว่าถ้าสมองมีแต่สมองสั่งไม่มีมือทำ ก็ไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ฉะนั้น ที่ยังเดือดร้อนเรื่องการสอนทางไกล ก็เคยได้ดูในรายการสอนทางไกล นักเรียนน่ะนั่งอยู่มือกระดิกไปกระดิกมา แต่มันไม่ได้ทำไม่สามารถที่จะทำด้วยมือ ก็เลยบกพร่องอยู่ตรงนี้ วิธีที่จะต้องทำ ต้องหาวิธีว่าทำอย่างไรให้สมองต่อกับมือ ก็คงมีวิธีที่จะทำได้แต่ว่ายาก ฉะนั้น การสอนทางไกล สอนทางโทรทัศน์เป็นสิ่งที่ยาก ได้สอนมาแล้วก็ได้ผลพอสมควร แต่ว่าไม่ได้ผลเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ จะต้องหาวิธีที่จะแก้ไข ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมาก แม้จะที่พูดถึงสมองมาแปรอยู่ที่มือ สังเกตอยู่เดี๋ยวนี้เวลาพูดจับมือเอาไว้ เพราะตามปกติเวลาดูทีวี ดูโทรทัศน์ ดูที่เขาสอนหรือเขาเรียน เวลาพูดอะไร แม้ครูก็สอน สอนมือก็แกว่งไป แกว่งมา แกว่งไปแกว่งมาก็ไม่ทราบยังไง แต่นักเรียนเวลาพูดอะไรมือก็แกว่งไปแกว่งมา ซึ่งทำให้ไม่ใช่แปลจากสมองมาที่มือ มือไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่างตะกี้เวลาท่านขึ้นมารับซองขึ้นมา ท่านก็ต้องเดินเข้ามา แล้วก็คนที่ชี้ทาง ขอโทษ เขาน่ารำคำญ เพราะว่าผู้ที่มารับซอง เขาตั้งใจ ตั้งใจเข้ามารับอย่างดี แต่ว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงนี้เขาเอามือขึ้นเท่ากับกั้นไม่ให้เข้า ไม่ทราบแต่ละท่าน
ก็คงรู้สึกลำบากใจจะเข้ามา แต่เขากั้นมีมือน่ะมาบังแล้วเขาก็สุภาพเขาก็โค้ง ก็มีหัวมาชนหัว ฉะนั้นนี่ไม่ได้สอนเขา นี่เขาเป็นเจ้าหน้ำที่ไม่ใช่เจ้าหน้ำที่มูลนิธิ เป็นเจ้าหน้ำที่ของพระราชวัง พระราชวังไม่ได้สอน ก็เวลาเข้ามาท่านเข้ามาก็เข้ามาใกล้ไม่ได้ เราก็เมื่อยต้องยื่นไป อันนี้ยกตัวอย่าง ก็เป็นเจ้าหน้ำที่พระราชวังก็คงไม่เป็นไร เขาคงไม่โกรธ แต่นายเขาอาจจะโกรธทำอย่างนี้เห็นมาเรื่อย เพราะว่าได้สอนเขาอย่างนั้นมันไม่ถูก อย่างคนที่ขึ้นมาบางท่าน บางท่านก็เหมือนเราน่ะ เดินๆ อาจจะรู้สึกเมื่อย เพราะว่าอายุมาก ก็มาเตือนว่า อีกหน่อยก็เจ็ดสิบห้า เจ็ดสิบห้าก็อายุมาก มาเตือนอีกแล้วว่าอายุเจ็ดสิบห้า อายุเจ็ดสิบห้านี่คนก็รู้ว่า ถ้าอายุน้อยๆ ก็กระฉับกระเฉง แต่อายุเจ็ดสิบห้านี่ มันชักจะเมื่อย ชักจะชรา แต่ว่า อย่าไปนึกว่าเราชรานะ คนที่เข้ามา บางคนก็เมื่อยเข้ามาแล้วก็เขากั้นไว้ก็ยื่นมายื่นมาไม่ไหว เขาก็จับแขนลากมา พวกที่อยู่ตรงนี้ก็เห็น เห็นชัดๆ ก็นี่แหละเป็นเรื่องของการอบรม การสอน การให้ทำให้เหมาะสมให้ถูกต้อง อันนี้ที่พูดอย่างนี้ เขาก็อาจจะเดือดร้อนหน่อยแต่ว่าขอโทษนะเพื่อให้เป็นตัวอย่างว่าการสอนสอนไม่ได้ครบถ้วน.
ยังไงก็ตาม วันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปโดยดี แล้วก็เป็นมงคล ทุกคนก็มีความปลาบปลื้มว่าได้ทำบุญ แล้วก็ทั้งคนที่ได้บริจาคทรัพย์ ทั้งคนที่ได้ทำมาตลอดทั้งปี ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งผู้ที่ไปช่วยบรรเทำทุกข์ ทั้งผู้ที่ได้ช่วยสั่งสอนทางโทรทัศน์ ได้ผลดีเท่าที่ควร ก็เป็นสิ่งที่น่าปลื้มใจเราก็ขอขอบใจ ที่ทุกๆ ท่าน รวมทั้งผู้ที่ร่วมมือกับมูลนิธิ ร่วมมือกับการบรรเทำทุกข์ ร่วมมือในการแสดงว่ามูลนิธิทำยังไง คือโฆษณาให้ ต้องขอบใจทุกคน แล้วก็แสดงความยินดีว่าได้ผ่านไปอีกปีหนึ่งได้ทำมาโดยดี รู้สึกว่าคนที่ปลาบปลื้มมากก็อย่างประธานมูลนิธิ ผู้ที่ทำงานมานานแล้ว ก่อนที่มูลนิธิได้ก่อตั้งก็ทำงานมาเพราะว่าได้ร่วมมือกัน บอกว่าจะทำยังไงสำหรับช่วยผู้ที่เดือดร้อน ก็ได้ก่อตั้งมาด้วยกันสร้างมูลนิธิให้เกิดประโยชน์ขึ้นมา จะเปิดเผยอีกอย่างหนึ่งว่า ก่อนที่มีมูลนิธิ เราก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี แต่ได้ศึกษาดูว่า ในประเทศต่างๆ เขาทำกันอย่างไร ต้องขอเปิดเผยว่า ความจริงมูลนิธินี่น่ะ มาจากประเทศฟิลิปปินส์ เพราะว่าแต่ก่อนนี้ตอนที่เรามีความเดือดร้อนทางภัยธรรมชาติเราก็ต้องดู ต่างประเทศที่เขามีภัยธรรมชาติ ก็รู้ว่าฟิลิปปินส์มีภัยธรรมชาติมากกว่าเมืองไทย เพราะว่าเขาได้มีภัยของไต้ฝุ่นทุกปีและรุนแรงมาก ของเรานับว่าไม่รุนแรง พายุในแปซิฟิกมีพายุขั้นไต้ฝุ่นขั้นรองลงมาเป็นขั้นพายุโซนร้อน ลงมาถึงเป็นดีเปรสชั่นเป็นอะไร ของเราไต้ฝุ่นมีนานๆ ที แล้วไต้ฝุ่นตัวเล็กๆ อย่างที่มาของมูลนิธิ เกิดขึ้นมา เกิดมาจากไต้ฝุ่น ไต้ฝุ่นขึ้นมาที่แหลมตะลุมพุก ผ่านเข้ามาแต่เป็นลูกไต้ฝุ่นเป็นตัวเล็กๆ ลงท้ายมูลนิธิราชประชานุเคราะห์นี่เป็นลูกของไต้ฝุ่น ไต้ฝุ่นเกิดขึ้นมาและได้ตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ แล้วก็ลูกของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ก็อยู่นั่งอยู่ตรงนี้ มีเด็กๆที่เขาเดือดร้อนมูลนิธิก็รับอุปการะ เดี๋ยวนี้เด็กนี้ก็โตแล้วเขาได้รับการอุปการะของมูลนิธิ และเดี๋ยวนี้เขาก็มาช่วยมูลนิธิให้สามารถเลี้ยงผู้ที่เดือดร้อน เด็กๆ ต่อๆ ไปนี้ ก็เด็กๆ นั่นน่ะ เขาก็ได้เรียนสำเร็จเดี๋ยวนี้เขาทำงานทำการ ต่อไปก็ยังมีลูกของมูลนิธิมากขึ้นมากขึ้นทุกที
ฉะนั้น การที่ช่วยกัน ท่านทั้งหลายเท่ากับได้เป็นพ่อเป็นแม่ของเด็กที่เป็นลูกของมูลนิธิท่านน่ะ เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นปู่ เป็นย่า เป็นตา เป็นยาย ก็เลยให้คิดถึงว่า การที่ท่านมาช่วยมาช่วย ส่งเสริมมูลนิธิ ก็เท่ากับท่านเลี้ยงลูกหลาน ลูกหลานเหล่านี้ เป็นคนที่มีความสามารถ เป็นคนมีความรู้ และไม่ใช่ความรู้เท่านั้นเอง แต่มีจิตใจที่จะตอบแทนมูลนิธิ และตอบแทนประเทศชาติให้ประเทศชาติอยู่ได้ ผู้ที่เป็นลูกของมูลนิธินี้ ต่อไปเขาก็สามารถที่จะสร้างชาติให้มั่นคง ถึงต้องทำอย่างนี้ ทำอย่างนี้แปลว่า มั่นคง ก็ขอให้ท่านทั้งหลาย ด้วยอำนาจของการที่ท่านได้มีจิตใจกุศลทั้งบริจาคทรัพย์ ทั้งบริจาคแรง ที่จะช่วยปฏิบัติงานให้อุดมคติของมูลนิธิมีความสามารถที่จะต่อเนื่องยั่งยืนต่อไป แล้วก็ช่วยต่อไป ผู้ที่ได้ตั้งตอนแรก ก็เดี๋ยวนี้ ผู้เฒ่าแล้ว เจ็ดสิบกว่าทั้งหลาย เดี๋ยวก็เจ็ดสิบกว่าแล้วละ ต่อไป ก็จะต้องอาศัยคนรุ่นหลังต่อ ค่อยๆ สร้าง เป็นกิจการที่มั่นคง
ก็ขอขอบใจผู้ที่บริจาค ขอขอบใจผู้ที่ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง ขอให้มีความสำเร็จ ในกิจการต่างๆ ของท่าน ในงานการทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำอยู่ ได้ประสบความสำเร็จ แล้วก็ข้อสำคัญ ให้ทุกคนมีความสุข ด้วยความสำเร็จของงาน แล้วก็ทำให้ประเทศชาติมั่นคง แล้วท่านเองก็มั่นคง ขอให้ได้ประสบแต่ความเจริญ.
พระราชทานแก่ คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ส่วนกลางคณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัด และมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมพร้อมด้วย ผู้มีจิตศรัทธา นักเรียนทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ และสื่อมวลชน